แพทย์ชี้ เด็กเล็กดูทีวีวันละ 1-2 ชั่วโมง ช่วยลดความเสี่ยง พัฒนาการทางภาษาล่าช้า


แพทย์ชี้เด็กเล็กดูทีวีวันละ 1-2 ชั่วโมง ช่วยลดความเสี่ยงพัฒนาการทางภาษาล่าช้า เพิ่มระดับไอคิวและอีคิวมากกว่าเด็กที่ไม่ดูโทรทัศน์ เน้นรายการให้สาระความรู้ เสนอรัฐบาลเพิ่มเวลารายการสำหรับเด็กมากขึ้น แต่ผู้ปกครองต้องควบคุมไม่ให้เด็กดูเกินวันละ 2 ชั่วโมง



ศ.นพ.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ได้นำเสนอผลงานวิจัยเรื่องการดูโทรทัศน์กับพัฒนาการทางภาษา สังคมและอารมณ์ของเด็กอายุ 1-3 ปี โดยฝ่ายโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดประชุมวิชาการประจำปีเมื่อเร็วๆ นี้ ผลวิจัยพบว่า การให้เด็กเล็กดูโทรทัศน์ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อพัฒนาการทางภาษาล่าช้า และลดความเสี่ยงต่อภาวะด้อยสมรรถนะทางสังคมและอารมณ์ ในขณะเดียวกันจะส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระดับสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น

ศ.นพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ระดับเชาวน์ปัญญาหรือไอคิวของเด็กไทยในปัจจุบันค่อนข้างต่ำ ซึ่งถือเป็นปัญหาทางด้านสุขภาวะของประชาชน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีนักวิจัยไทยพยายามค้นหาเหตุปัจจัยที่มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กทารกอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่สมองกำลังมีพัฒนาการทางด้านภาษาสูงสุด เด็กจะเริ่มหัดฟัง เรียนรู้ที่จะพูดและต้องการการตอบรับจากคนรอบข้างเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านภาษา ในขณะที่ผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศแนะนำไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีดูโทรทัศน์ ซึ่งจะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้า แต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนถึงผลเสียข้อนี้ อีกทั้งงานวิจัยต่างประเทศไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับเด็กไทยได้ เพราะมีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้างภาษา ค่านิยม แบบแผนการเลี้ยงดูและรายการโทรทัศน์ ทำให้ผลการศึกษามีความแตกต่างกัน

การทำงานวิจัยครั้งนี้ใช้เวลา 10 ปี เป็นการร่วมมือกันของนักวิจัยหลายสถาบัน เริ่มตั้งแต่ปี 2543-2553 เป็นโครงการระยะยาวที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเด็กและครอบครัวที่อาศัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ จ.น่าน 760 คน, อ.กระนวน จ.ขอนแก่น 852คน, อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี 774 คน, อ.เทพา จ.สงขลา 1,061 คน และกรุงเทพฯ บริเวณพื้นที่รอบโรงพยาบาลรามาธิบดี 710คน รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 4,157 คน แบ่งเป็นชาย 2,074 คนและหญิง 2,083 คน



ศ.นพ.วีระศักดิ์กล่าวว่า การเก็บข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์พ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้เลี้ยงดูหลักเมื่อเด็กแต่ละคนมีอายุ 1 ปี, 2 ปี, 2.5 ปี และ 3 ปี สำรวจระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการดูโทรทัศน์ต่อวัน รายการที่เด็กดูประจำและประเมินพัฒนาการทางภาษา โดยใช้คำถามจากแบบคัดกรองพัฒนาการสำหรับเด็กอายุ 1-2 ปี แบบประเมินการพูดและภาษาของเด็กไทยที่อายุ 2.5-3 ปี ส่วนสมรรถนะด้านสังคมและอารมณ์ วัดสองครั้งโดยใช้เครื่องมือวัดพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ สังคม จริยธรรม เมื่ออายุ 1ปี และ 3ปี

"ผลการวิเคราะห์พบว่า การดูโทรทัศน์ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้าได้ร้อยละ 21-31 และลดความเสี่ยงของการด้อยสมรรถนะทางสังคมและอารมณ์ได้ถึงร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ได้ดูโทรทัศน์" นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติเผย

ศ.นพ.วีระศักดิ์กล่าวอีกว่า การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า เด็กที่ไม่ได้ดูโทรทัศน์จะมีพัฒนาการทางภาษา สังคมและอารมณ์ล่าช้ากว่าเด็กที่ดูโทรทัศน์ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง โดยถ้าหากดูรายการที่ให้สาระความรู้ จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางไอคิวดีขึ้น 23% และมีระดับความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิวเพิ่มขึ้น 37% เช่น สามารถรับฟังกติกาพ่อแม่ดีขึ้น แต่การดูโทรทัศน์มากกว่าวันละ 2 ชั่วโมงไม่ทำให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า การเลี้ยงดูโดยให้แรงเสริมทางบวก เช่น การชมเชยเมื่อเด็กทำสิ่งที่ถูกต้อง และการเสริมประสบการณ์นอกบ้าน ช่วยพัฒนาสมรรถนะทางสังคมและอารมณ์ได้ดีอีกด้วย

ด้าน ผศ.พญ.อัจฉรีย์ อินทุโสมา หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ นักวิจัยโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งนี้ต่างกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีดูโทรทัศน์ เนื่องจากงานวิจัยในวิทยานิพนธ์นี้มีขนาดตัวอย่างจำนวนมาก ครอบคลุมทั่วประเทศ ติดตามเด็กอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญและต่อเนื่องระยะยาว ใช้สถิติในการวิเคราะห์ที่เหมาะสม ทำให้ผลวิจัยมีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดียังต้องติดตามผลระยะยาวในเด็กกลุ่มนี้ต่อไป ทั้งนี้มีข้อแนะนำว่า ปัจจุบันเด็กทารกและวัยเตาะแตะดูโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่ อาจไม่จำเป็นต้องส่งเสริมให้ดูมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องทำคือ รัฐบาลและสถานีโทรทัศน์จะต้องเพิ่มรายการที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กเล็ก และยังควรจำกัดการดูโทรทัศน์ไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง

ผศ.พญ.อัจฉรีย์กล่าวว่า การเก็บข้อมูลเด็กดูรายการโทรทัศน์แบ่งเป็น 7 ประเภทคือ การ์ตูน สารคดี รายการเด็ก ข่าว โฆษณา กีฬาและรายการเพื่อความบันเทิง โดยรายการโทรทัศน์ที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางไอคิวและอีคิวได้ดีที่สุดคือ รายการเด็กที่ให้ความรู้ เช่น เจ้าขุนทอง หนูดีมีเรื่องเล่า และสารคดีชีวิตสัตว์โลก ส่วนการ์ตูนและรายการประเภทอื่นๆ ไม่มีประโยชน์สำหรับเด็ก ส่วนค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการดูโทรทัศน์จะเพิ่มขึ้นตามวัยคือ เด็กอายุ 1 ปี ดูวันละ 10 นาที, อายุ 2 ปี ดูวันละ 40 นาที และอายุ 3 ปี ดูวันละ 1 ชั่วโมง โดยเด็กเล็ก 11-15% ที่ดูรายการให้ความรู้และมีพัฒนาการทางภาษา สังคมและอารมณ์ดีกว่าเด็กที่ดูรายการประเภทอื่น

No comments:

Post a Comment